ประวัติพ่อท่านคล้าย
พระครูพิศิษฐ์อรรถการ (พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์) หรือเทวดาเมืองคอน อดีตเจ้าอาวาสวัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมชื่อคล้าย นามสกุลสีนิล เกิดวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๑๙ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีชวด ตรงกับ จ.ศ. ๑๒๓๘ ที่บ้านโคกทือ ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอินทร์ นางเหนี่ยว สีนิล ท่านมีพี่สาว ๑ คน ชื่อนางเพ็ง พ่อท่านคล้ายมีนิสัยเป็นคนมีมานะอดทน ขยันหมั่นเพียร อยู่ในโอวาทคำสั่งสอนของบิดามารดาและครูอาจารย์อย่างเคร่งครัด สุภาพ เรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย นิสัยอ่อนโยนละมุนละไม จึงเป็นที่รักของบิดามารดา ครูอาจารย์และญาติมิตรเป็นอันมาก เมื่ออายุ ๑๕ ปี ขาของท่านเสียข้างหนึ่งคือขาด้านซ้ายขาดตั้งแต่ตาตุ่มลงไป ท่านประสบอุบัติเหตุในการถางป่าทำไร่กระดูกปลายเท้า สามนิ้วแตกละเอียดรักษาไม่หาย ด้วยกำลังใจที่เด็ดเดี่ยว พ่อท่านคล้ายได้ใช้มีดปาดตาลมีดตัดปลายเท้าออกด้วยตัวเองและใช้ยาพอกจนหายเป็นปกติ
การศึกษา
พ่อท่านคล้ายได้รับการศึกษาในเบื้องต้นที่บ้านโดยมีบิดาเป็นผู้สอน ได้เรียนวิชาคำนวณตลอดถึงวิชาอักษรโบราณ จนสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างชำนาญ ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม ต่อมาศึกษาต่อในสำนักนายขำ ที่วัดทุ่งปอน บ้านโคกทือ จนจบหลักสูตร ต่อมาได้ไปฝึกหัดเล่นหนังตะลุงกับนายทองสาก ประกอบกับพ่อท่านคล้ายมีหน้าตาดี น้ำเสียงไพเราะ จึงมีคนติดใจการเล่นหนังตะลุงของท่านมาก
บรรพชาและอุปสมบท
เมื่ออายุ ๑๙ พ่อท่านคล้ายได้บรรพชาที่วัดจันดี ตำบลหลักช้าง เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๓๘ มีพระอุปัชฌาย์คือพระอธิการจันเจ้าอาวาสวัดจันดี (ทุ่งปอน) ท่านสามารถท่องพระปาฏิโมกข์จนได้อย่างแม่นยำ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุทกุกเขปสีมา หรือศาลาน้ำ ได้รับฉายาว่า จนฺทสุวณฺโณ โดยมีพระครูกราย คงคสุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดหาดสูงเป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งปอนหรือวัดจันดี การศึกษาสมัยอุปสมบทตามลำดับดังนี้
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๑ พ่อท่านคล้าย ได้เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี เรียนมูลกัจจายนะ ในสำนักพระครูกาแก้ว (ศรี) ณ วัดหน้าพระธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จบหลักสูตรมูล พอแปลบาลีได้ศึกษาอยู่เป็นเวลา ๒ พรรษา
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ต่อมาได้ศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฏฐานที่สำนักวัดสามพัน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีอาจารย์หนูเจ้าอาวาสเป็นผู้สอน
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ พ่อท่านคล้าย ได้กลับมาอยู่จำพรรษาวัดหาดสูง ใกล้ตลาดทานพอ ในสำนักพระครูกราย ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพ่อท่าน เพื่อศึกษาวิปัสสนาและไสยศาสตร์ โดยเหตุที่พระครูกราย เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาและทรงวิชาคุณทางไสยศาสตร์ในสมัยนั้น
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๗ พ่อท่านคล้าย ได้ไปจำพรรษาที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาเพื่อศึกษาบาลีและพระอภิธรรมเพิ่มเติม
- ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ พ่อท่านคล้ายกลับจากวัดมะขามเฒ่า มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งปอน (จันดี) ตลอดเวลาที่ท่านจำพรรษา ณ ที่ใดก็ตาม ท่านได้ศึกษาค้นคว้าภาษา บาลี วิชาโหราศาสตร์ และเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ติดต่อกันมาโดยมิได้ประมาท ด้านการก่อสร้างก็ได้สร้างไว้วัดและปูชนียวัตถุตามวัดต่าง ๆ ไว้มากมาย
สมณศักดิ์
พ่อท่านคล้ายได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูพิศิษฐ์อรรถการในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษในนามสมณศักดิ์เดิม พระครูพิศิษฐ์อรรถการ (พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์) ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสวนขัน ตำบลละอาย อำเภอฉวาง ในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ และเป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อย ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ อันเนื่องจากมีการสร้างถนนผ่านกลางวัดจันดีหรือวัดทุ่งปอน ทำให้วัดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนประชาชนได้ประชุมตกลงสร้างวัดใหม่ในเนื้อที่ที่แยกออกไปเรียกว่าวัดพระธาตุน้อย และแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ววัดนี้ก็เป็นที่ประดิษฐานสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว
มรณภาพ
เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓ ตรงกับแรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีจอ พ่อท่านคล้ายจะต้องเดินทางไปจังหวัดสุรินทร์ เนื่องในงานพุทธาภิเษกที่คณะพุทธบริษัท จังหวัดนั้นนิมนต์ใว้ ประมาณเวลา ๑๖.00 น. ของวันเดินทาง คณะศิษย์เห็นว่าท่านอาพาธด้วยโรคหืดอย่างกระทันหัน จึงนิมนต์พ่อท่านขึ้นรถด่วนเข้ากรุงเทพ ถึงวันรุ่งขึ้นได้นำท่านเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎในวันนั้น ทางคณะแพทย์ได้พยายามรักษาท่านจนเต็มความสามารถ ท่านได้รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาถึง ๑๔ วัน อาการมีแต่ทรงกับทรุด ครั้นถึงวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ เวลา ๒๓.05 น. พ่อท่านคล้าย ได้มรณะภาพลงด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้ ๙๖ ปี เมื่อบำเพ็ญกุศลศพครบ ๑๐๐ วัน ทางคณะศิษยานุศิษย์จึงได้บรรจุสรีระของท่านไว้ในโลงแก้ว โดยประดิษฐานอยู่ในองค์พระเจดีย์ในวัดพระธาตุน้อยจนถึงปัจจุบันนี้